ไม้สักนั้นได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งไม้เนื่องจากมีสีสันลวดลายอันสวยงามเหนือกว่าไม้ชนิดอื่นๆ
นอกจากนี้ตัวเนื้อไม้เองก็มีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษกว่าไม้ชนิดอื่นๆเช่นกัน ดังนั้นผู้คนจึงนิยมในไม้สักมาทำเป็นประตูบริเวณหน้าบ้าน และด้วยคุณสมบัติของความแข็งแกร่ง ความสวยงาม
ปลวกมอดไม่กิน
และทนต่อสภาพอากาศและความชื้นรวมถึงเชื้อราด้วย
แต่คงเป็นที่น่าเสียดายถ้าหากว่าลายสวยๆของไม้สักนั้นถูกบดบังไปด้วยสีน้ำมัน หรือสีทาไม้ที่ยิ่งทาก็จะยิ่งกระดำกระด่าง เพราะว่าไม้สักนั้นมียางอยู่ในเนื้อไม้ ซึ่งจะทำให้ประตูบานสวยกลายเป็นประตูด่างๆและสีหลุดล่อนได้ ดังนั้นวันนี้เราจะมาดูวิธีเคลือบสีประตูไม้สักแบบดั้งเดิมโดยที่ยังคงความงามของลายเนื้อไม้เอาไว้กันค่ะ
ในกรณีที่เป็นบานประตูภายนอกบ้านซึ่งจะต้องโดนทั้งแดดลมฝนอยู่ตลอดทั้งวันทั้งคืนนั้น
ควรขัดเนื้อไม้ให้เนียนละเอียดจนเห็นลายสวยงามตามธรรมชาติของเนื้อไม้(ขัดให้เนียนจนสามารถเอามือลูบได้โดยเสี้ยนไม้ไม่ตำมือ) แล้วจึงนำลูกประคบชุบเชลแล็กและแล็กเกอร์ค่อยทาลงบนบานประตู วิธีนี้เป็นวิธีของช่างโบราณในการลงสีเคลือบไม้ซึ่งจะทำให้เห็นลายไม้สวยงามและชัดเจนด้วย แต่ปัญหาของเชลแล็กและแล็กเกอร์ก็คือเมื่อนานวันไปก็จะลอกหลุดร่อน
ช่างจึงมีวิธีแก้ปัญหานี้ด้วยการที่ให้ทาเชลแล็กและแล็กเกอร์ประตูด้านที่อยู่ข้างในบ้าน แล้วทาสีน้ำมันด้านนอกบ้านแทน หรือจะใช้วิธีแนวใหม่คือการนำประตูไม้สักมาทาเคลือบด้วยโพลียูรีเธน
เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ประตูไม้สักหน้าบ้านที่เงาสวยจนเห็นลายไม้ไว้ชื่นชมแล้วล่ะค่ะ